วิธีวัดขนาดถุงยาง เพื่อเลือกไซส์ถุงยางให้เหมาะสม
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ถ้าคุณกดเข้ามาอ่านบทความนี้ แปลว่าคุณเองก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆคนที่ยังมีข้อสงสัย หรือคำถามคาใจเกี่ยวกับวิธีการเลือกไซส์ถุงยางที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเองอยู่ใช่ไหมคะ เพราะเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ข้อมูลที่จะบอกต่อ หรือ เอามาสอนกันแบบเปิดเผยได้ง่ายๆ และเชื่อไหมคะว่าคุณผู้ชายกว่า 60% ยังไม่รู้วิธีวัดขนาดถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง ถึงแม้บางคนเป็นผู้ที่ใช้ถุงยางอนามัยอยู่เป็นประจำ ก็อาจจะใช้ไซส์ถุงยางถุงยางอนามัยไม่เหมาะสมกับขนาดของตัวเองอยู่ก็ได้นะคะ และยังมีคนจำนวนอีกไม่น้อยที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพียงเพราะว่า ไม่รู้ว่าจะซื้อแบบไหนดี, เลือกไซส์ถุงยางไม่ถูก, ขนาดถุงยางแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเอง ขนาดถุงยางเท่าไหร่ที่ใส่พอดีไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป, ตัวเองต้องใส่ไซส์ถุงยางอะไร เป็นต้น บางคนต้องลองผิดลองถูกกันอยู่นาน กว่าจะรู้ขนาดที่เหมาะสมกับตัวเอง บางคนถึงขั้นลงทุนซื้อครบทุกไซส์มาทดลองกันเลยก็มี จะดีกว่าไหมคะถ้าคุณรู้วิธีวัดขนาดถุงยางที่ถูกต้อง แล้วไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา ไปทดลองมากมายขนาดนั้น
การวัดขนาดถุงยางอนามัย เป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งที่คุณผู้ชายไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะการใช้ขนาดถุงยางที่ไม่ถูกต้อง สามารถส่งผลทางลบที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ขนาดถุงยางที่เล็กเกินไป จะทำให้สวมใส่ยาก รู้สึกเจ็บขณะสวมใส่หรือขณะร่วมเพศ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวโดนบีบรัด ถุงยางอาจมีการรูดลงระหว่างกิจกรรม และอาจเกิดอันตรายต่อน้องชายได้ และที่สำคัญอาจเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในการใช้งาน ทำให้วัตถุประสงค์ในการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หรือป้องกันโรคติดต่อล้มเหลวได้ หรือ ขนาดถุงยางที่ใหญ่เกินไป ตอนสวมใส่รู้สึกง่ายเป็นพิเศษ แต่เมื่อใส่เข้าไปแล้วถุงยางจะไม่กระชับหรือหลวม จะทำให้ถุงยางสามารถขยับเคลื่อนที่ได้ อาจมีการเลื่อนหลุดระหว่างกิจกรรมและสามารถหลุดในช่องคลอดผู้หญิงได้ นอกจากนี้ขนาดถุงยางที่ใหญ่เกินไป ยังทำให้คุณและคู่ของคุณมีสัมผัสที่ไม่ดีเอามากๆในการร่วมเพศเอาเสียเลยค่ะ และสำคัญที่สุดเช่นเดิมคือ ทำให้วัตถุประสงค์ในการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หรือป้องกันโรคติดต่อล้มเหลวได้ ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทั้งขนาดถุงยางที่เล็กไปและใหญ่ไป จะทำให้ความรู้สึกทางเพศของคุณและคู่รักลดลง จนกลายเป็นไม่อยากใช้ถุงยางอนามัยได้ค่ะ
ดังนั้น วิธีเลือกขนาดถุงยาง จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คุณผู้ชายควรรู้ไว้ ศึกษาเพียงครั้งเดียวเพื่อการเลือกถุงยางอนามัยที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองไปตลอดชีวิตนะคะ วันนี้ Grand Condom จะมาสอนวิธีวัดขนาดถุงยาง กันค่ะ
วิธีวัดขนาดอวัยวะเพศ เพื่อหาขนาดถุงยางให้เหมาะสมกับตัวเอง
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การวัดขนาดอวัยวะเพศ เพื่อหาขนาดถุงยางที่เหมาะสมนั้น ต้องวัดตอนที่อวัยวะเพศชายแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น! และวัดตำแหน่งบริเวณกึ่งกลางความยาวของอวัยวะเพศ ซึ่งขั้นตอนนี้ใครจะใช้วิธีใดให้อวัยวะเพศแข็งตัวก็ตามสะดวกตามใจชอบได้เลยนะคะ Grand Condom สรุปวิธีวัดขนาดถุงยาง แบบง่ายๆและครบถ้วนมาให้เพื่อนๆ ได้สามารถนำไปใช้งานจริงได้ 3 วิธี ด้วยกัน ได้แก่
1. ใช้สายวัดตัวทั่วไป
วิธีการวัดขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับผู้ใช้แบบแม่นยำที่สุด โดยใช้สายวัดตัวที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด วิธีนี้ต้องกดเครื่องคิดเลขคำนวณกันนิดหน่อย สามารถทำได้โดย ใช้สายวัดพันรอบอวัยวะเพศชายที่แข็งตัวเต็มที่ บริเวณกึ่งกลางของความยาว แล้วจดค่าที่ได้ โดยใช้มาตรวัดเป็นมิลลิเมตร (มม.) จากนั้นนำค่าที่ได้มาหารด้วย 2.3 ก็จะได้ขนาดถุงยางอนามัยที่กระชับพอดีเป๊ะๆสำหรับคุณแล้วค่ะ
สูตรวิธีวัดขนาดอวัยวะเพศ เพื่อหาขนาดถุงยาง
ความกว้างของถุงยางอนามัย = ความยาวเส้นรอบวงของถุงยางอนามัย (มม.) (เมื่อวางแบนราบบนพื้น) 2
ขนาดถุงยางอนามัยที่ควรใช้ = ความยาวเส้นรอบวงอวัยวะเพศ (มม.) (ขนาดที่เหมาะสมกับอวัยวะเพศ) 2.3
วิธีวัดขนาดถุงยางที่นำค่าความยาวเส้นรอบอวัยวะเพศ (มม.) มาหารด้วย 2 นั้น เป็นค่าขนาดที่คุณจะสามารถสวมใส่ครอบเข้าไปได้พอดีแต่ไม่กระชับ จึงมีงานวิจัยในต่างประเทศได้ทำการทดลองเพื่อหาค่าการคำนวณที่เหมาะสมยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้ขนาดถุงยางที่กระชับคล่องตัวของผู้ใช้ พบว่าต้องลดค่าตัวหารลง 10-20% หรือค่าของช่วงที่ 2.2 – 2.4 เพื่อให้ง่ายในการตัดสินใจสำหรับการเลือกใช้ค่าตัวหาร Grand Condom จึงขอแนะนำให้ใช้ค่ากลางของช่วงคือ 2.3 มาเป็นตัวหารในการคำนวณ เพื่อหาขนาดถุงยางที่กระชับและ สวมใส่สบายที่สุดของแต่ละคนค่ะ |
ตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณวัดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศขณะแข็งตัวเต็มที่ได้ 120 มม. ให้นำมาหารด้วย 2.3 จะได้ 52.17 เมื่อซื้อถุงยางอนามัย คุณควรเลือกซื้อขนาด 52 มม. เพราะถุงยางอนามัย สามารถขยายตัวได้อีกเล็กน้อยทำให้คุณสามารถใช้ขนาดนี้ได้โดยไม่อึดอัดค่ะ
ขนาดอวัยวะเพศของชายเอเชีย มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ช่วง 49 – 56 มม. และค่าเฉลี่ยขนาดอวัยวะเพศของชายไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 49 มม. และ 52 มม. เป็นหลัก ทำให้ตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทยจะมีถุงยางอนามัยขนาด 49 และ 52 มิลลิเมตร จำหน่ายมากที่สุด และมีรูปแบบให้เลือกมากที่สุดนั่นเอง หรือถ้าใครขี้เกียจกดเครื่องคิดเลข เมื่อวัดขนาดอวัยวะเพศเสร็จแล้ว ก็ลองนำมาเทียบขนาดถุงยางที่เหมาะสม จากตารางที่ Grand Condom คำนวณสรุปมาให้แล้วได้เลยค่ะ
ความยาวเส้นรอบวงอวัยวะเพศเมื่อแข็งตัวเต็มที่ (มม.) |
ขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสม (มม.) |
94-105 |
47 |
105-110 |
47-49 |
111-115 |
49-50 |
116-120 |
50-53 |
121-125 |
52-55 |
126-130 |
54-57 |
136-140 |
58-60 |
141-150 |
60-64 |
>150 |
69 |
2. ใช้สายวัดขนาดอวัยวะเพศมาตรฐาน จากกระทรวงสาธารณะสุข
อีกหนึ่งวิธีง่ายๆ เพียงคุณมีเครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer) โดยคุณจะต้อง พิมพ์-ตัด-วัด เครื่องมือนี้มีชื่อเรียกว่า “เครื่องมือวัดจู๋” ที่คิดค้นโดยกลุ่มโรคเอดส์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย เพื่อให้เป็นเครื่องมือขนาดอวัยวะเพศชายไทยที่เป็นมาตรฐานโดยเฉพาะขึ้นมาให้ใช้กัน โดยมีมาตรวัดเป็นมิลลิเมตร (มม.) และเป็นแบบพิมพ์ใส่กระดาษ ที่ให้ทุกคนสามารถนำไปใช้งานได้ง่าย สะดวก ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเพื่อป้องกันโรคติดต่อ โดยสามารถดาวน์โหลดสายวัดขนาดถุงยางเป็นไฟล์รูป .JPEG ได้ที่นี่ค่ะ! >>> สายวัดขนาดถุงยางอนามัย <<< เมื่อได้ไฟล์แล้ว แนะนำให้เปิดด้วยโปรแกรม Adobe Reader เพื่อสั่งพิมพ์แบบความละเอียดสูง และตั้งค่า Page Scaling เป็น none (หรือ การพิมพ์แบบไร้ขอบ) เพื่อสเกลที่แม่นยำมากที่สุด จากนั้นนำมาตัดตามรูป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวัดขนาดถุงยางได้เลยค่ะ โดยใช้สายวัดพันรอบอวัยวะเพศที่แข็งตัวเต็มที่ ที่สายวัดจะบอกขนาดถุงยางที่เหมาะสมไว้ให้แล้ว ไม่ต้องเหนื่อยคำนวณเอง แล้วสามารถไปหาซื้อถุงยางตามขนาดที่วัดได้ ได้เลยค่ะ
3. ใช้สมาร์ทโฟน
ใช่แล้วค่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะสมาร์ทโฟนมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ เพียงแค่คุณมีสมาร์ทโฟนที่มีอินเตอร์เน็ตสักเครื่อง ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้แล้วค่ะ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
เมื่อวัดขนาดถุงยางกันได้ถูกต้องกันแล้ว ก็เลือกซื้อถุงยางให้ถูกต้องตามไซส์กันง่ายๆ โดยคลิกเลือกจากประเภทหมวดหมู่ของ Grand Condom ได้เลยค่ะ (คลิกที่รูป เพื่อดูถุงยางตามขนาด)
นอกจากนี้ยังมีสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณาร่วมด้วยในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย คือ การสังเกตฉลากบนกล่องถุงยางอนามัย การดูเครื่องหมาย อย. การดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ และควรอ่านเอกสารกำกับภายในกล่องอย่าวละเอียด รวไปถึงการเก็บรักษาถุงยางอนามัยเมื่อยังไม่ได้ใช้งาน ไม่ควรเก็บในที่ร้อน หลีกเลี่ยงแสงอดดและแสงฟลูออเรสเซนต์ ไม่เก็บในลักษะที่มีการกดทับ เช่น ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง กระเป่าสตางค์ เป็นต้น รับประกันว่าเพียงเท่านี้ คุณจะได้ขนาดถุงยางที่ถูกต้อง และใช้งานได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยค่ะ
ที่มาภาพจาก: aidsthai.org,